ศาลกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ อยู่ที่หาดสมิหลา จังหวัดสงขลา มีทั้งแบบอนุสาวรีย์กลางแจ้ง และศาลประวัติของกรมหลวงชุมพร (เสด็จเตี่ย) ให้เราได้กราบไหว้บูชา ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้ แวะมาสักการะบูชา กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้นะครับ ท่านเป็นพระบิดาของทหารเรือ

กรมหลวงชุมพร ชื่อจริงชื่อ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงค์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

พระประวัติ

พระประสูติกาล

ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก้าเจ้าอยู่หัว ราชกาลที่5 นับลำดับราชกุลวงค์ องค์ที่ 28 มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงค์ ปรสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2423 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง จุลศักราช 1242 เวลา 14.57 น และทรงเป็นพระองค์เจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาเจ้าพระยาสุรวงค์ไวยวัฒน์ ( วร บุนนาค ) พระองค์ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา2 พระองค์ คือ พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา ( สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ ) และพระองค์เจ้าสุริยงค์ ประยูรพันธ์ ( ต่อมาได้ทรงพระยศเป็นกรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส )

การศึกษา

เมื่อยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรกในพระบรมมหาราชวัง มี พระยาอิศรพันธ์โสภร ( พูน อิศรางกูร ) เป็นพระอาจารย์ และทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับ Mr. Morant ชาวอังกฤษ ทรงเข้าเป็นนักเรียนในโรงเรียนหลวง ณ พระตำหนักสวนกุหลาบ จนถึงทรงโสกันต์

เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ พร้อมกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า เจ้าอยู่หัวราชกาลที่6 ( สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี ขณะนั้น )

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ 2438 ทรงเข้าโรงเรียนกินนอนที่สอนวิชาชั้นต้น สำหรับเตรียมเข้าศึกษาโรงเรียนนายเรืออังกฤษ จึงนับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาเกี่ยวกับวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ ทั้งนี้กิจการทหารเรือในขณะนั้นต้องอาศัยชาวต่างประเทศเป็นผู้บัญชาการเรือ และผู้บัญชาการป้อม

ทรงรับราชการ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ 2443 ทรงได้รับพระราชทานยศเป็นนายเรือโท ( เทียบเท่านาวาตรีในปัจจุบัน ) ทรงรับราชการในตำแหน่ง แฟลคเลฟตอร์แนล ( นายธง ) ผู้บัญชาการทหารเรือพลเรือโทพระเจ้าบรมวงค์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ในระหว่างทรงรับราชการ พระองค์ทรงวางรากฐานกิจการทหารเรือ จนทหารเรือไทย สามารถนำเรือได้เองไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศอีกต่อไป

ทรงเป็นหมอพร

ขณะทรงออกจากประจำการชั่วคราว ระหว่างปี พ.ศ 2454 – 2460 ได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ ทรงเขียนตำรายาแผนโบราณ ลงในสมุดข่อย ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง โดยทรงตั้งชื่อตำรายาเล่นนี้ว่า พระคัมภีร์ อติสาระวรรคโบราณกรรม และปัจจุบันกรรม และได้ทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บแก่คนทั่วไปด้วย พระเมตตาโดยไม่คิดค่ารักษาหรือค่ายาแต่อย่างใด จนเป็นที่นับถือของคนทั่วไปในนามพระองค์ว่า หมอพร

องค์บิดาของทหารเรือไทย

หลังจากพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงค์ ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทางด้านทหารเรือ จากประเทศอังกฤษแล้ว ทรงเข้ารับราชการทหารเรือ ทรงริเริ่มกำหนดแบบสัญญาณธงสองมือและโคมไฟ ตลอดจนเริ่มฝึก พลอาณัติสัญญาณ ( ทัศนสัญญาณ ) ขึ้นเป็นครั้งแรก ทรงปรับปรุงหลักสูตรของโรงเรียนนายเรือ และฝึกสอนนักเรียนนายเรือด้วยพระองค์เอง โปรดให้สร้าง โรงเรียนช่างกล ทรงนำนักเรียนนายเรือทั้งหมดไปฝึกหัดทางทะเลและไปอวดธงต่างประเทศ ที่สิงคโปร์ ปัตตาเวีย ชวา และเกาะบิลลิทัน ทรงปลูกฝังความรักชาติให้แก่นักเรียนนายเรือ ทรงโปรดให้นักเรียนเรียกท่านว่า สีเตี่ย หรือเสด็จเตี่ย เพื่อตัดความยุ่งยากในการใช้ราชาศัพท์ ตลอดจนสร้างความสนิทสนมและเป็นกันเอง พระองค์จึงทรง ได้รับความยกย่อง นับถือและบูชาจากทหารเรือทุกชั้นยศด้วยความจริงใจ กองทัพเรือจึงขนานนามพระองค์ว่า องค์บิดาของทหารเรือไทย

19 พ.ค 2466

เป็นวันที่ประชวรหนัก โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ประชวรพระโรคไข้หวัดใหญ่อยู่ 3 วันแล้ว แต่พระโรคกำเริบหนักเอา ในวันนี้ จึงสิ้นพระชนม์ ณ ที่ประทับพัก ตำบลหาดทรายรี จังหวัดชุมพร เวลา 11.40 น พระชนมพรรษาได้ 44 ปี

ชมบรรยากาศ บริเวณศาลกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร หันหน้าเข้าทะเล อยู่บริเวณ หาดสมิหลา มีผู้คน นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมหาด มากราบไหว้เป็นจำนวนมาก

มีตอร์ปิโด เป็นอาวุธที่ใช้รบทางเรือ เป็นอาวุธยิงบรรจุระเบิด ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง ปล่อยเหนือหรือใต้ผิวน้ำ ระเบิดเมื่อเข้าใกล้เป้าหมาย ของจริงครับ

ประวัติเสด็จเตี่ย มีให้นักท่องเที่ยวได้อ่าน ครับมีภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

ประวัติ เมื่อครั้งทรงเป็นหมอพร

พอเราเดินตรงมาอีก เราก็จะเห็นธง ทหารเรือ อยู่บนยอดเสา

มาถึงหน้า ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แล้ว เดี๋ยวไปชมข้างในกัน ว่ามีอะไรบ้าง ครับ

ทางเข้าศาล ครับ ตัดแต่งด้วยต้นไม้ สวยงาม

บริเวณศาลก็จะมี ทั้งหมด 5 ซุ้ม ครับ ตรงกลาง ก็จะเป็น ศาลกรมหลวงชุมพร ส่วนอีก 4 ซุ้มก็จะเป็น ประวัติของกรมหลวงชุมพร ครับ

มาถึงศาลแล้วก็ต้อง กราบขอพร กรมหลวงชุมพร ครับ ใครจะเสี่ยงดวง มีเซียมซีให้เสี่ยงโชค ด้วยนะ

ซุ้มที่ 1 เป็นพระประวัติ องค์บิดาของทหารเรือครับ

ซุ้มที่ 2 เป็นพระประวัติ พระประสูติกาล ครับ

ซุ้มที่ 3 เป็นพระประวิติ การศึกษา ครับ

ซุ้มที่ 4 เป็นพระประวัติ ทรงรับราชการ ครับ

หน้าศาล กรมหลวงชุมพร หันหน้าออกทางทะเล ครับ

ตกแต่งด้วย ปืนกลคู่

บริเวณหาด ก็มีชาวบ้านออกเรือหาปลา ครับ

บริเวณข้างศาลกรมหลวงชุมพร ก็จะมี ศูนย์อนุรักษ์พันธ์ุเต่าทะเล

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ ทัพเรือภาคที่ 2

มีบ่ออนุบาลเต่า ตั้งแต่เต่าเล็ก จนถึงเต่าใหญ่

เต่าเล็ก

เต่าใหญ่

หน้าศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ก็จะมีอาวุธทางเรือ ตอร์ปิโด อยู่ด้วย

รายละเอียดของอาวุธ ตอร์ปิโด ครับ

ใครมาเที่ยวสงขลา หรืออยู่บริเวณหาด สมิหลา แวะมากราบไหว์ขอพร กรมหลวงชุมพร ได้นะครับ บรรยากาศโดยรวมถือว่าดีเลยทีเดียว ชมวิวทะเลด้วย ได้รับพรจากเสด็จเตี่ยด้วย ฟินเลย ได้เวลากลับแล้ว ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ บ๊ายบาย

error: Content is protected !!